

EVERYDAY EXTRAORDINARY
“สปอร์ท” คืออารมณ์ของความเร็ว ความแรง ความเท่ หรือแม้แต่ความมีน้ำใจ เอาเข้าจริงมันก็ตีความได้หลายอย่างและถ้าเปรียบกับอารมณ์การขับขี่รถมอเตอร์ไซค์มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องก้มหมอบติดถังยิงความเร็วสองร้อยบวกบนถนนตลอดเวลาแต่แลกมาด้วยความล้าและปัญหาอาการปวดเมื่อยเสมอ
Ducati มีรถสปอร์ทที่เป็น “Superbike” อย่าง “Panigale” ซ่งแน่นอนว่าใช้ในสนามแข่งได้เลยเพราะมันเกิดมาเพื่อสิ่งนั้น Ducati มี “Hypermotard SP” รถโมตาร์ดตัวแรงที่เป็นรถสปอร์ทสไตล์โมตาร์ด ใหนจะ “Multistrada S Pike Peaks” รถสปอร์ทสายพันธ์แอดเวนเจอร์แชมรายการแข่งขัน “Pike Peaks” ซิ่งใต่เขาที่อเมริกา
ที่บอกมาหลายโมเดล อย่างที่เห็นคือ



ไม่จำเป็นต้องหมอบเพื่อเป็นสปอร์ท
และในครั้งนี้ Ducati ออกแบบโมเดลใหม่สำหรับคนที่รักความเป็นสปอร์ทสายหมอบแต่ออกแบบให้มันใช้งานได้ทุกวัน ทุกสถาณการณ์การขับขี่โดยท่านั่งยังก้มอยู่แต่ไม่มาก จัดท่าสวยๆ ได้ เข่าเช็ดพื้นได้ ไม่ปวดหลัง เป็นรถของคนที่รักความเป็นสปอร์ทแต่อาจไม่ไปถึง Superbike อย่าง Panigale
Supersport ในนิยามที่เข้าใจง่ายๆ ก็เปรียบเสมือนรถยนต์สองประตู Sport Coupe เปิดประทุน ซิ่งได้ แรงแต่นิ่มนวล ชิลได้ ประมาณนี้
ขอแนะนำ Ducati Supersport S อย่างเป็นทางการ
แน่นอนว่ามันไม่เหมือน Panigale เริ่มจากเครื่องยนต์ 937CC Testastretta ใช้เฟรมถัก Trellis ที่ให้ความรู้สึกรีแลกส์สบายๆ เฟรมจะยึดกับตัวเครื่องสูบบน ซึ่งอีกด้านของฝาสูบบนก็ยึดต่อกับซับเฟรมอีกที เครื่องยนต์จะไม่ยึดเหมือน Panigale อีกต่อไป มีช่วงเกียร์เรโชว์ที่ยาวขึ้น ขับทอร์คได้ 80% หนักๆ ตั้งแต่รอบต่ำเพียง 3,000 rpm ช่วงล่างจัด Ohlins มาให้หน้าหลัง พร้อม Quick Shifter ขึ้นลงและเปิดปิดได้ มี Ducati Safety Pack (Ducati Traction Control DTC และ ABS) มาให้ ปรับได้หลายระดับ พร้อม Riding Modes 3 โหมดด้วยกัน Sport, Touring, Urban (113hps สำหรับ Sport และ Touring 75hps สำหรับ Urban) ระบบเบรค Brembo จานเบรคดิสคขนาด 320มม ให้ M4มาด้วย เบรคได้หนึบๆ
ช่วง wheelbase มีความยาว 1,487มม ยังตงความกระทัดรัดอยู่ น้ำหนักรวมของเหลวประมาณ 209.5 กก ความสูงของเบาะจากพื้น เพียง 780มม ถือว่าคนตัวไม่สูงขี่ได้สบายๆ มีกระเป๋าเดินทางติดข้างรถสองใบเป็นออฟชั่น ใหนๆ ไปเที่ยวไกลๆ ได้เขาก็ให้ สาย USB มาใต้เบาะแบบกันน้ำได้


หน้าตาโดยรวมยังคงมีเค้าของ Panigale อยู่ แต่ดีไซน์ให้เหมาะสำหรับการเดินทางมากขึ้น โดยมีไฟ Day Light LED ที่มองเห็นได้ชัดในเวลากลางวัน แฮนด์จับโช๊คที่ยกให้สูงขึ้นกว่า Panigale เป็นหัวใจสำคัญของท่านั่ง อีกทั้งความลงตัวของตำแหน่งพักเท้าที่โดยรวมทำให้ท่านั่งดูสปอร์ทและสบายๆ วินด์สกรีนปรับได้โดยการใช้สองมือยกขึ้นง่ายๆ ก็ได้อีก 50มม มาช่วยดักลม
ใครชอบรถสปอร์ทแต่อยากได้รับการตอบโจทย์ให้ขี่สบายขึ้นลองหันมามองทางนี้ดูครับ มีสองราคาคือ 559,000บาท ในขณะที่ ตัว S เพื่มเงินอีก 140,000 บาทสำหรับช่วงล่างเทพ มีครอบเบาะคนนั่งให้ (ตัวธรรมดาไม่มีให้) และ Quick Shifter ราคารวมสำหรับตัว S คือ 699,000 บาท (สีแดง) 709,000 (สีขาว)

3 DAYS WITH SUPERSPORT S
แอดฯ นำ Supersport S สีแดง ใหม่เอี่ยมมาดูแลสามสี่วันเพื่อให้ได้ข้อมูลโดยรวมเกี่ยวกับการใช้งานในแบบที่เจ้าของรถควรตัวจริงน่าจะคำนึงถึงโดยของสรุปเขียนง่ายๆดังนี้
ท่านั่งสบายๆ พอดีตัว (แอดฯ สูง 160ซม) แต่พอมองตัวเองแล้วรู้เลยว่า รถยังมีพื้นที่เหลือให้คนตัวใหญ่ๆ อีกเยอะ ไม่ต้องกลัวรถจะดูเล็กไม่สมส่วน แฮนด์คลิปออนยกสูงนิดๆ จริตรถแข่งยังอยู่ครบ พักเท้าพอดี หนีบถังได้มั่นคง เสียงเครื่องแหบๆ ลึกๆ สไตล์ Ducati เพราะในหมวกกำลังดี

เรียนรู้ระบบอิเลคโทรนิดที่ดูเหมือนซับซ้อนแต่การทำงานกลับง่ายดาย มีเพียงสองปุ่ม วนซ้ายและขวา และวนขึ้นและลงล่าง กับกดปุ่มทั้งสองตรงกลาง เพื่อ “enter” มีแค่นี้ แถมเข้าไปปรับเซทติ้งในโหมดแต่ละโหมดได้ตามต้องการ ดับเครื่องแล้ว ค่าต่างๆ ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนกลับเป็น Default การเปลี่ยนค่าโหมดง่ายขึ้นกว่าเดิม
Quick Shifter ที่ให้มาเป็น ไฮไลท์ ที่ทำให้ขี่สนุกมากๆ แถมมันถูกออกแบบมาให้งัดเกียร์ได้แม้รอบต่ำๆ ต้องเรียนรู้มันหน่อยว่างัดเกียร์ Shift Up ขึ้นไม่ต้องใช้คลัทช์ ไม่ต้องยกคันเร่ง (ถ้ายกคันเร่งจะงัดไม่ขึ้น) ส่วนการตลเกียร์ลงต้องปิดคันเร่ง Shift down ถึงจะทำงาน บอกเลยว่าต้องมี!
ในเมืองรถติด ลัดเลาะได้ง่ายมาก ความร้อนมีให้สัมผัสได้ยามรถติด แต่ไม่มากเท่า Panigale เพราะมันระบายออกได้ดีกว่า กระจายได้ดีกว่า ช่วงล่าง Ohlins ตอนแรกคิดว่าไม่เหมาะกับการใช้งานในเมืองที่สภาพถนนแย่ๆ กลัวมันจะแข็งไป แต่ผิดคาด มันกลับทำงานได้ดี เหมือนเป็นโช๊คที่ไม่ได้เซทมาสนามแข่ง เซ็ทมาให้ใช้บนถนนจริงๆ ซับแรงกระแทกได้ดี คอไม่เคล็ดจากความกระด้าง
เราอยู่กับ Supersport S ในเมืองสองวัน ขี่กลางคืนไฟสว่างดี สว่างกว่า Scrambler ที่ใช้อยู่เห็นได้ชัด อัตราเร่งในการออกตัวแซงรถรอบต้นๆ ทำได้ดี พลิกง่าย กลับรถง่าย
เอาง่ายๆ มันขี่โคตรง่าย ง่ายกว่า Monster อีก

400 KM FOR A DAY TRIP
หากเราไม่ได้พาไปซัดไกลๆ ก็คงไม่สามารถสรุปอะไรได้ จึงพา Supersport S ขึ้นเขาใหญ่ โดยออกแบบเส้นทางให้ได้ผ่านถนนแคบๆ ก่อนยิงยาวกลับบนถนนมิตรภาพ โดยเดินทางไปทางจังหวัดปราจีนบุรี ผ่านอำเภอบางน้ำเปรี๊ยวก่อนขึ้นเขาใหญ่และลงมาทาง Dairy Home ออกสู่ถนนมิตรภาพกลับกรุงเทพฯ
มันคือสถาณการณ์จริงที่มักเกิดขึ้นเสมอคือการอยากขี่รถเล่นวันเดียว หากรถพร้อมลุย มันก็ไปได้โยไม่ต้องวางแผนใดๆ เหมือนกับครั้งนี้





BANGKOK-PRACHIN BURI (60KM)
0800-1000 เราไปมิตติ้ง DOC Bangkok กันที่ K-Village โดยมีสมาชิกกว่า 100 คน หลังจากนั้นก็ออกเดินทางไปทางเส้นสุวินทวงศ์ ทำถนน ได้ลองของเลยครับ ไปได้สวยๆ ออกไปทาง อำเภอบางน้ำเปรี๊ยวเริ่มทำความเร็วได้ คราวนี้ชัดเจนมากว่า Supersport S คือ Sport Touring ตัวพ่อ หมอบทะลุกำแพงลมได้ดีและนิ่งมากๆ ความเร็วกลางๆ 150-160 กม/ชม บนถนน Local Road สองเลนสวนกัน ชลอตัวพอมีคอสะพานคมๆ ให้ผ่าน ยกก้นนิด โช๊คทำงานดีมาก
แวะทานกลางวันที่ Arthit-Tara รีสอร์ตริมแม่น้ำตรงอำเภอบ้านสร้าง ตามคอนเซ็บการขี่รถเที่ยวได้รับการต้อนรับอย่างดี ชิวหมวกโดนแมลงใช้ NUKE VISOR CLEANER ทำความสะอาดซะกลับมาใสเหมือนเดิม ว่าจะโดดน้ำในแม่น้ำซะหน่อยเวลาไม่พอต้องกลับกรุงเทพฯ ไปดู MotoGP



PRACHIN BURI – KHAO YAI (50KM)
ออกเดินทางไปเขาใหญ่ เพียง 50 กม แต่ก่อนขึ้นเขาใหญ่ฝนตกพายุเข้า เราแวะ Nounu Café ไกล้ๆ เขาใหญ่จิบกาแฟร้อนๆ พอฝนหยุดตก ก็เป็นเวลา 4 โมงเย็นได้ เราค่อยๆ ขึ้นเขาใหญ่ไปอย่างระมัดระวัง ขี่ช้าๆ ชมธรรมชาติ เจอคนขี่รถมอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวมากมายหลายกลุ่มยกมือทักทายกันไป
ความคดเคี้ยวของถนนบนเขาใหญ่ก็มีให้เห็นตลอดแม้ทำความเร็วไม่ได้มากแต่ก็ได้รับรู้ถึงการควบคมรถที่ง่ายมาก ใครไมเขาใหญ่บ่อยๆ จะรู้ว่ามีโค้งอยู่หนึงโค้งที่ค่อนข้างน่ากลัว ไม่ระวังมักจะมีอาการบานโค้ง แต่ครั้งนี้เชื่อใหม
“ผมหาโค้งนั้นไม่เจอ!” คงเป็นเพราะ Supersport S พาผ่านโค้งนั้นไปอย่างเนียนและง่ายดายจนจำไม่ได้ว่าโค้งใหน มัน “นวล” มาก
จัดว่าดี

จอดถ่ายรูปเป็นพักๆ รถเข็นง่ายนะ บนเขา คงเป็นเพราะน้ำหนัก 209 กก ที่ให้มาทำให้ำม่ลำบากเท่าใหร่เวลาจอดรถและต้องเข็นเข้าจอด
KHAO YAI-BANGKOK
5 โมง 45 นาที ตายล่ะ เราถ่ายรูปเพลิน มีเวลา 1 ชม 15 นาที จาก เขาใหญ่ กลับไป ถนนวิภาวดี กรุงเทพ ซัดสิครับ รออะไร
วิ่งออกเส้นเล็กทาง Dairy Home ทางลัด ที่มีโค้งให้เล่นเพียบและทำความเร็วพอได้ คราวนี้ความสนุกมาเยือนเพราะได้ใช้สักยภาพรถเต็มที่ แค่เขตชุมชนเราลดความเร็วเพื่อความปลอดภัยก็ต้องบอกได้ว่า เข้าโค้งด้วยความเร็วทำงานได้ดี รถช่วยให่ไม่มีอาการอะไรมาก จัดท่าทางเข้าได้อย่างมัน
พอออกสู่ทางตรงลงเขากลับเข้ากรุงเทพฯ รถเยอะมาก ต้องขออนุญาติแซงเพื่อกลับไปงานต่อซึ่งโจทย์สุดท้ายคือการทำความเร็วทางตรงซึ่งผมไม่ได้จะเอา Top Speed หรอกนะ เพราะเป็นถนนหลวง แต่เปิดคันเร่งแล้วมาเต็มก็รู้แล้วว่า 200+ มีให้เห็น
การใช้ Sport Mode ในการเดินทางกลับด้วยความเร็วจะเหมาะสมกว่าการใช้บนเขาเพราะคันเร่งไฟฟ้าทำงานคมมากและทันทีไม่มีหน่วง หากใช้ Sport Mode บนเขาต้องระวังอย่างมากเพราะพื้นที่จำกัด พลาดไปก็ลงข้างทางผิดกับถนนกว้างๆ มีพื้นที่เยอะ
ความเร็วช่วงบายพาส ทำที่ประมาณ 160-180 เพื่อลองอะไรหลายๆ อย่าง
อย่างแรก พละกำลังเหลือเฟือ
อย่างที่สอง ช่วงล่างหนึบ ซับแรงกระแทกได้ดี ใครๆ ก็รู้ว่าเส้นบายพาส กรุงเทพ สระบุรี มันกระด้างแค่ใหน ถนนมันไม่มีคำว่าเรียบ หากอยากพัก สามารถนั่งขี่หลังตรงได้
สุดท้ายคือรถตัดหน้าแทบไม่มี ขอยกคำชมให้ ไฟหน้า Day Light ที่มองเห็นได้ในระยะไกล
เรามาถึงอยุธยาก็มึดแล้ว ได้ทดสอบการขี่รถในเวลากลางคืนทางไกล ไฟหน้าสว่างใช้ได้ เห็นชัด วิ่งฝ่ารถติดมาถึงที่หมายเวลา หนึ่งทุ่มตรงพอดีๆ

บปสรุป
Ducati Supersport S ถูกออกแบบมาอย่างละเอียด อยากให้มองดูรถด้วยการออกแบบที่จะเหมาะกับไลฟสไตล์ของเราหรือไม่ สำหรับ Supersport S คันนี้ การออกแบบของ Ducati ทำให้กับเจ้าของที่
- ชอบความเร็ว แต่อาจไม่ได้อยากเป็นนักแข่ง อารมณ์ยังอยู่ครับ หัวใจคือท่านั่งและ Quick Shifter กับ ช่วงล่างที่ให้มา
- มีเวลาก็จะออกเดินทางไกล และชอบอารมณ์ของท่าหมอบที่ไม่เมื่อยมาก มีกระเป๋าเดินทางให้อย่างหล่อ
- ใช้งานในเมืองได้ทุกวัน
- มี Service Package ที่โปร่งใส่ โดยเปิดราคาให้ดูกันเลยว่า 1000 กม จ่าย 1,990บาท เว้นยาวๆ 15,000กม จ่าย 5,990บาท และ 30,000 กม ชุดใหญ่ Desmo Service จ่าย 17,900บาท

Ducati มักออกแบบรถอย่างละเอียดเพราะเขาเข้าใจลูกค้าเขาเป็นอย่างดีเสมอ
WORDS: CAP ‘P’
PHOTOS: NIKKSIT WONGSAWAS & CAP ‘P’