WRITER: Jedd Sreshthaputra / PHOTOS: Doungsamorn Eamdee & Jedd Sreshthaputra
มีรถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กแต่อยากขี่เที่ยวตะลุยป่าเขาทางภาคเหนือเหมือนคนอื่นเขา แต่เวลาก็ไม่มีเพราะวันลาหยุดจากที่ทำงานก็แทบไม่เหลือ
สรุปว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้หรือ?
ขอตอบว่าไม่จริงเพราะผมได้คิดโจทย์นี้เอาไว้ให้แล้วกับการพารถที่คุณรักไปขี่เล่นบนดอยโดยใช้เวลาเพียง 2 วัน 1 คืน เท่านั้นแถมยังใช้เงินไม่มากอีกด้วย

พามอเตอร์ไซค์ขึ้นรถไฟแอ่วดอยบ้านแม่กำปอง
ก่อนหน้านี้ได้โพสการเดินทางนี้ลงในเฟสบุ๊คแฟนเพจของ Rubbers Magazine ไปแต่ก็ไม่ได้บอกถึงข้อมูลรายละเอียดซึ่งครั้งนี้จะขอแจกแจงทุกสิ่งอย่างให้ชัดๆ กันเลยทีเดียว
ใช่แล้วครับ เราสามารถเดินทางโดยรถไฟ และนำรถมอเตอร์ไซค์คันโปรดของเรา ขึ้นตู้สัมภาระไปด้วยโดยจ่ายค่าตั๋วพิเศษตามน้ำหนักหรือขนาดเครื่องยนต์รถ โดยครั้งนี้ผมนำ Honda MSX 125 SF ไปด้วยเพราะเป็นรถมินิไบค์ที่ขี่สนุก มีเกียร์ แต่จะให้ขี่จากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ก็คงท่าจะเป็นไปไม่ได้สำหรับเวลาที่มีอยู่
การจองตั๋วรถไฟ
การจองตั๋วรถไฟยุคนี้ไม่ยากอีกต่อไปเพราะเราสามารถเข้าไปที่เวปไซต์ของการรถไฟ www.thairailwayticket.com ได้เพื่อสำรองที่นั่งโดยสามารถเลือกที่นั่งได้อีกด้วยก่อนชำระเงินได้ทั้งบัตรเครดิตและบัตรเดบิต e-ticket จะถูกส่งไปทางอีเมล์ ใช้ออกตั๋วได้ในวันเดินทาง
หรือโทร 1690 ฮอทไลน์ สามารถจองได้ผ่านโทรศัพท์แต่จะลำบากนิดหน่อยในการที่จะต้องจดโค๊ดตั๋วที่สั่งซื้อแล้วนำไปออกตั๋วที่สถานีรถไฟไกล้บ้านคุณต่อไปที่สำคัญคือไม่ใช่รถไฟ “ทุกขบวน” ที่มีตู้สัมภาระขนรถมอเตอร์ไซค์ไปเชียงใหม่ จากกรุงเทพฯ


ขบวนที่สามารถขนมอเตอร์ไซค์ได้มีสามขบวนคือ
-
ขบวน 109 ขบวนรถ “เร็ว ออกเดินทางจาก สถานีหัวลำโพง เวลา 13.45น. – 04.05น.
-
ขบวน 13 ขบวนรถ “ด่วนพิเศษ” ออกเดินทางจาก สถานีหัวลำโพง เวลา 19.35น. – 08.40น. *แนะนำขบวนนี้ครับเพราะได้นอนไปเลยไม่เสียเวลาเสียค่าโรงแรม ถึงเชียงใหม่เช้าตรู่ออกเดินทางได้เลย*
-
ขบวน 51 ขบวนรถ “ด่วนพิเศษ” ออกเดินทางจาก สถานีหัวลำโพง เวลา 22.00น. – 12.10น.
- ค่าโดยสารรถไฟ: 841บาท เตียงบน / 741 บาท เตียงล่าง











การนำรถมอเตอร์ไซค์ขึ้นรถไฟ
เมื่อได้ตั๋วคนแล้ว ต่อไปคือตั๋วที่นั่งของรถมอเตอร์ไซค์ของคุณ โดยจะคิดค่าส่งตามขนาดเครื่องยนต์ผสมการพิจารณาจากน้ำหนักรถ
- รถมอเตอร์ไซค์ Honda MSX 125SF น้ำหนักประมาณ 102 กก. เสียค่าส่งประมาณ 800 บาท หาก เป็น Ducati Scrambler 800cc น่าจะประมาณ 1,300บาท ต่อ เที่ยว
- คุณต้องนำรถมอเตอร์ไซค์ไปที่เคาน์เตอร์เช็คอิน สัมภาระ ก่อนเวลาเดินทางอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ไปช้าตู้ขนของเต็มคุณก็ขนรถไปไม่ได้ เฟลแน่นอน
- ที่นั่นจะมีเจ้าหน้าที่เข็นรถคุณไปที่ตู้สัมภาระ หากคุณกลัวเขาเข็นไม่ดีเข็นเองก็ได้ แต่ตอนยกขึ้นจะมีเจ้าหน้าที่ 3-4 คนยกรถคุณขึ้นไปเก็บด้วยมือ! เพราะฉะนั้นควรเตรียมทิปเอาไว้คนละอย่างน้อย 100-150 บาท
- เขาจะมัดรถของคุณด้วยเชือกพลาสติกหลายเส้นยึดติดกับตัวผนังภายในตู้รถไฟ และการเสียดสีอาจเกิดขึ้นได้ หากติดอุปกรณ์ป้องกันความเสียหายรอบคันก็ไม่ต้องห่วงอะไรมากตอนเจ้าหน้าที่มัดคุณสามารถขึ้นไปตรวจสอบได้




DAY 1 / SATURDAY: เชียงใหม่ แม่กำปอง
ผมแนะนำให้ออกจากกรุงเทพฯ ช่วงเย็นวันศุกร์เพื่อนอนบนรถไฟไปถึงเชียงใหม่เช้าพอดี ไม่เสียเวลาเพราะวันลาหยุดเรามีน้อย เมื่อไปถึงเชียงใหม่ เราสามารถแบกเป้ขี่มอเตอร์ไซค์ของเราออกนอกเมืองได้ทันทีและเพียง 30 กิโลเมตรเท่านั้นคุณก็สามารถพาตัวเองกับรถคันโปรดมานั่งจิบกาแฟและอาหารเช้าท่ามกลางธรรมชาติของป่าเขาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
อย่าลืมว่านี่แค่เพียงวันแรกเท่านั้น วันเสาร์หรรษา
จากตัวเมืองเชียงใหม่ เราเลือกที่จะเดินทางไป หมู่บ้านแม่กำปองที่อยู่กลางหุบเขา และห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เพียง 60 กิโลเมตร เท่านั้น เหมาะกับการเดินทางขี่รถสนุก ลืมเคื่องเครียดๆ ในเมืองหลวงสักหน่อย ชาจแบตเตอรี่ให้เต็มที่
การเดินทางเราจะวิ่งผ่านแยกศาลเด็ก มุ่งสู่เส้นทางไปอำเภอดอยสะเก็ต ผ่านเขื่อนแม่กวง วิ่งลงเขาไปเลี้ยวขวาไปทางอำเภอ ห้วยแก้ว แม่เตาดิน ก่อนออกไปทางเส้นแม่ออนและขึ้นไปแม่กำปอง
เส้นทางนี้คุณจะได้รับความเพลิดเพลินตลอดสองข้างทางที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ และสภาพถนนที่เป็นโค้งบนเขาติดต่อกัน สองข้างทางส่วนมากเป็นไร่นา บนเขางดงามมากๆ







The Giant Coffee
ได้ยินมานานแล้วกับร้านกาแฟบนต้นไม่ยักษ์ “The Giant” ซึ่งมันอยู่ทางผ่านการขึ้นแม่กำปองพอดีจึงแวะเสียหน่อยแต่ไปถึงแอบผิดหวังเล็กน้อยกับการต่อเติมที่ดูแล้วอยากให้คงสภาพเดิมเอาไว้ให้มากที่สุดจะดีกว่ามาก
การขี่รถขึ้นไปถือว่าไม่ยากไม่ง่าย ยากสำหรับมือใหม่ ไม่ยากสำหรับคนมีประสบการณ์เพราะโค้งขึ้นเขาชันมากๆ และเป็นโค้งหักศอก ห้ามรถดับ ที่ยากคือการใช้ถนนร่วมกับรถยนต์ที่อาจมาสวนกับเราตรงโค้งเหล่านั้น ต้องมองไกลๆ ประเมิณดีๆ เพราะถ้าต้องจอดติดกลางเขา จะเสี่ยวต่อการล้มแปะได้ และเพื่อนก็ช่วยเราไม่ได้เพราะไม่มีที่จอด เสี่ยงล้มกันหมด เอาเป็นว่า ถ้าจะไปให้ระวังดีๆ
เอารถเล็กไปจึงดีที่สุด!

















แม่กำปอง
เป็นหมู่บ้านที่น่ารัก และไปทีไรก็ไม่เบื่อเพราะความคลาสสิคของตัวหมู่บ้านในหุบเขาที่มีลำธารไหลผ่านตลอดทั้งปี เป็นที่เงียบๆ ที่เพมาะกับการพักผ่อน ส่วนมากเป็นโฮมสเตย์ราคาหลักร้อยบาทขออาศัยสักคืนอยู่กับธรรมชาติ อยู่กับตัวเอง
ที่นี่หากช่วงเทศกาลคนจะเยอะมากๆ และถนนที่แคบและคดเคี้ยวทำให้รถเก๋ง รถกระบะ รถตู้ สวนกันไม่ได้ในบางครั้งทำให้ต้องถอยหลบกันวุ่นวาย จนตำรวจต้องปิดถนนห้ามขึ้นกันเลยทีเดียวเพราะ เต็มทุกพื้นที่
แต่การเอารถมอเตอร์ไซค์คันเล็กไปนั้น เพอร์เฟค และเหมาะที่สุด น้ำหนักเบา หาที่จอดง่ายและสะดวก







อุทยานแห่งชาติ กิ่วฝิ่น
เป็นอุทยานแห่งชาติที่อญึ่ขอบเส้นแบ่งระหว่างเชียงใหม่และลำปาง มีวิวที่สุดสวย 360 องศา สามารถขี่รถมอเตอร์ไซค์ขึ้นไปเที่ยวกางเต๊นได้ อยู่ไม่ไกลจากแม่กำปอง ผมจึงขึ้นไปเที่ยวเล่นก่อนลงมานอนที่ “สำราณชน” โฮมสเตย์ ที่เป็นบ้านไม้หลังใหญ่ เป็นบ้านโบราณที่มีห้องพักประมาณ สี่สิบห้อง เป็นบ้านพักหลังแรกๆ ของที่นี่

ชมนกชมไม้
เป็นร้านกาแฟที่อยู่ในหมู่บ้านแม่กำปอง และเป็นร้านที่มีวิวที่ดีที่สุดแล้วแนะนำว่ากาแฟร้อนๆ กับขนมอร่อยๆ ที่นี่ ต้องมาให้ถึงไม่อย่างนั้นจะไม่ถึงแม่กำปอง
วันแรกกำลังจะผ่านไปด้วยการที่เราได้ทำหลายอย่างมากๆ ภายในวันเดียว เมื่อถึงเวลาเย็น ร้านอาหารอร่อยๆ ที่แม่กำปองก็รอให้เลือกสำหรับมื้อค่ำ โดยร้านเด็ดก็คือ “ลุงปุ๊ด ป้าเป็ง” ที่เป็นอาคารไม้หลังใหญ่ ภายในมีระเบียงริมลำธารให้นั่งชิวได้ จิบไวน์แดงสักนิดให้ร่างกายอบอุ่นเข้าไว้ก่อนเข้านอนหัวค่ำ เพื่อออกมาใส่บาตรที่วัดในหมู่บ้าน
DAY 2 / SUNDAY: แม่กำปอง – เชียงใหม่
ตื่นเช้ามารับไอหมอกตอนเช้า ใส่บาตร เพื่อให้จิตแจ่มใส มีวัดอยู่ใจกลางหมู่บ้าน ก่อนหากาแฟสดอร่อยๆ ทาน แล้วกลับเข้าไปนอนจนเที่ยง ใช้เวลาสโลว์ไลฟ์แบบสุดๆ
“ผมไม่รีบ”
วันนี้ รถไฟขากลับ จะออกจากเชียงใหม่ เวลา 1800น. ผมต้องไปถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่เวลา 1600น อย่างช้า กลัวอะไร รถของเรา เราไม่ต้องไปคืนให้เสียเวลา และการเดินทางจากแม่กำปองไปเชียงใหม่ ให้ หนึ่งขั่วโมงก็พอแล้ว
จึงล้อหมุนจากหมู่บ้านในหุบเขาในตำนานเวลาประมาณ 1400 ลงเขามาทางอำเภอแม่ออน ยิงตรงเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ ไม่นานก็พาตัวเองมานั่งรอรถไฟกลับกรุงเทพฯ พร้อมออกเดินทางเวลา 1700 เป๊ะ และถึงกรุงเทพฯ เช้าวันจันทร์ วันทำงาน ไม่ต้องเข้าบ้านให้เสียเวลา นอนตู้นอนมาเต็มอิ่ม เข้าออฟฟิสหน้าตามีความสุขจนหลายคนคงคิดไม่ถึงว่า
เมื่อวานผมยังขี่รถอยู่แม่กำปองอยู่เลย






ขอขอบคุณ
BIKERS บริษัทที่ผลิตอุปกรณ์แต่งรถป้องก้นความเสียหายรอบคันให้ Honda MSX 125SF คันนี้ให้รอดจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้จากการขนส่งทางรถไฟ และที่สำคัญคือป้องกันรถเสียหายจากอุบัติเหตุที่ต้องให้มีน้อยที่สุดเพื่อที่จะได้ใช้งานต่อได้เพราะเราไปในที่ๆ ห่างไกลผู้คน
เพลิน เลย ครับ ชอบๆ
LikeLike